ครูรัตนาภรณ์   ลัธธนันท์  

 

สถิติ
เปิดเมื่อ2/02/2012
อัพเดท24/08/2023
ผู้เข้าชม348375
แสดงหน้า516649
เมนู
ปฎิทิน
March 2024
Sun Mon Tue Wed Thu Fri Sat
     
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
      

การพัฒนานักเรียนโดยส่งเสริมความเป็นเลิศทางด้านกีฬาแฮนด์บอล

อ่าน 2241 | ตอบ 0
การพัฒนานักเรียนโดยส่งเสริมความเป็นเลิศทางด้านกีฬา
ชื่อสกุล    นางรัตาภรณ์   ลัธธนันท์
โรงเรียนเบญจมเทพอุทิศจังหวัดเพชรบุรี
อำเภอ  เมืองเพชรบุรี        จังหวัดเพชรบุรี
อุดมคติในการทำงาน      ทำวันนี้ของตนเองให้ดีที่สุด  และแบ่งปันโอกาสให้กับคนรอบข้าง
    
           


           ข้าพเจ้าเกิดมาในครอบครัวของ “คุณครู”  นับตั้งแต่คุณตา เป็นครูใหญ่  มีคุณพ่อ ดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์ ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  คุณแม่เป็น คุณครูที่โรงเรียนวัดอินทราราม  กรุงเทพฯ มีคุณป้าเป็นอาจารย์สอนวิทยาลัยครูธนบุรี ในสมัยนั้น  บุคคลที่อยู่รอบตัวล้วนเป็นแบบอย่างและหล่อหลอมให้ข้าพเจ้ามีความรัก และความศรัทธาต่อวิชาชีพครู และเมื่อได้เข้ารับการศึกษาได้รับความรัก ความเมตตาและการได้รับการพัฒนาและโอกาสจากครูบาอาจารย์  ที่ประสิทธิประสาทวิชามาตั้งแต่เยาววัยจนถึงจบการศึกษาในระดับปริญญา  จึงทำให้ข้าพเจ้ารับรู้ได้ว่า การที่ข้าพเจ้าประสบความสำเร็จได้ก็เพราะการได้รับการสั่งสอนและโอกาสจากคุณครูทั้งหลาย  ดังนั้นจึงเป็นความตั้งใจของข้าพเจ้าที่จะแบ่งบันโอกาสให้กับเด็กๆ  ลูกศิษย์ของข้าพเจ้าเพื่อเข้าจะได้มีโอกาสและประสบความสำเร็จได้  มีประโยชน์ต่อสังคม
          ในการปฏิบัติหน้าที่ครู  เมื่อได้ศึกษานักเรียนที่ข้าพเจ้าดูแลอยู่   ทำให้ข้าพเจ้าได้เห็นสภาพของครอบครัว   วิธีการเลี้ยงดู  ที่แตกต่างกัน  ยิ่งอยู่ในภาวะสังคมปัจจุบันที่มีความซับซ้อนมากมาย  รวมถึงพ่อแม่ผู้ปกครองที่มีอายุน้อยลง  ขาดความรับผิดชอบและความสมบูรณ์ในการปกครองเป็นแบบอย่างกับเด็ก  ทำให้เด็กๆ มีปัญหาทางวิธีคิด  การปฏิบัติตัว  ขาดวินัย ส่งผลให้ประพฤติตนผิดระเบียบ  ละเลยข้อบังคับของโรงเรียน ขาดความรับผิด เป็นไปได้ทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ  เด็กบางคนที่ครอบครัวมีการหย่าร้าง  หรือไม่ได้อยู่กับครอบครัวจริง อาศัยกับญาติ ตายาย ก็ไม่สามารถสร้างวินัยให้เขาได้   ปัญหาเหล่านี้ล้วนรุนแรงขึ้นทุกวัน  การปกครองด้วยการลงโทษที่รุถนแรง  การไล่นักเรียนออก  ไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหาที่ดีนัก  ช่วงเวลามัธยมเป็นช่วงเวลาของการเปลี่ยนแปลงที่ต้องให้การช่วยเหลือเด็กๆ  ให้ก้าวผ่านไปได้ เขาก็จะมีความมั่นคงในชีวิตต่อไปได้
       

       ข้าพเจ้าได้มีโอกาสรับผิดชอบกิจกรรมกีฬาแฮนด์บอลตั้งแต่ปี 2547  โดยเริ่มต้นจากลูกของตนเองที่เล่นกีฬา ลูกๆ และเพื่อนๆ ของลูกรวมกลุ่มกันเพื่อฝึกซ้อมกีฬาบาสเกตบอลและแฮนด์บอล จากการสังเกตพัฒนาการของลูกจะพบว่ากีฬา ช่วยพัฒนากระบวนการคิด  กระบวนการทำงานของเด็ก เป็นการทำงานอย่างสนุกสนาน  ถึงจะเหนื่อยกับการซ้อมแต่เขาก็มีความสุขกับเพื่อนๆ เด็กๆจะมีความภูมิใจเมื่อได้ลงแข่งขัน ข้าพเจ้าจึงคิดได้ว่าถ้าเราให้เด็กๆ รักการเล่นกีฬา แล้วเราก็จะพัฒนาด้านอื่นๆได้โดยใช้กีฬาเป็นสื่อ   จากนั้นข้าพเจ้าจึงเริ่มพัฒนาทีมกีฬาแฮนด์บอล  โดยรับนักเรียนที่มีความสนใจ ไม่จำเป็นต้องเก่งกีฬา ที่สำคัญ ขอให้เป็นนักเรียนที่อยากมาเล่นสนุก  มีนักเรียนที่ค่อนข้างมีปัญหาด้านความประพฤติ  นักเรียนที่ชอบใช้ความรุนรง  มีนักเรียนไม่ชอบเรียนหนังสือ  และนักเรียนที่มีภาวะเรียนช้าไม่ทันเพื่อน นักเรียนดังกล่าวมักจะไม่ได้รับการยอมรับจากครู และกลุ่มเพื่อน เขาจึงอยากหาพื้นที่ที่ทำให้เขามีความสุขอยู่ได้  สิ่งแรกที่ข้าพเจ้าพัฒนาคือให้เขามีความมั่นใจในตนเอง  รักตนเอง ให้เขาเล่นกีฬาเพราะความสนุกของตนเอง  หลังจากนั้นข้าพเจ้าก็จะสร้างกลุ่มสังคมให้เขา  นอกจากซ้อมกีฬา เรายังมีกิจกรรมนันทนาการ  กิจกรรมละลายพฤติกรรม  เพื่อให้เขารู้สึกอบอุ่น  ในทีมมีระบบพี่ดูแลน้องที่เข้มแข็งที่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น  พี่ๆต้องมีหน้าที่ดูแล ฝึกสอนน้องให้เก่ง  น้องๆ ก็จะต้องเชื่อฟัง และรู้จักการเป็นผู้ตามที่ดี  การสร้างความอบอุ่นทำให้ทีมแฮนด์บอลพี่น้องวนเวียนไปมาหาสู่กันอยู่เสมอ ถึงแม้พี่ๆจะไปศึกษาต่อในมหาวิทยาลัย หรือจบการศึกษาไปแล้ว  เมื่อมีเวลาว่างหรือปิดเทอมที่สนามแฮนด์บอลจึงเป็นที่นัดพบศิษย์เก่าเสมอๆ   นอกจากความอบอุ่น ข้าพเจ้าก็เริ่มจัดระบบให้กับนักกีฬา  เมื่อเขาไปแข่งเขาก็อยากชนะในการแข่งขัน วิธีการชนะทีมอื่นๆได้ เขาต้องทำอย่างไร เขาต้องมีวินัย ในการฝึกซ้อมในสนาม  มีความมุ่งมั่น  ขยัน  อดทน  ใฝ่เรียนรู้  สิ่งเหล่านี้จะถูกจัดกิจกรรมหล่อหลอมให้เขาในสนามซ้อมทุกวัน  เมื่อมีโอกาสเข้าค่ายเก็บตัวฝึกซ้อม หรือต้องเดินทางไปแข่งขันที่ต่างจังหวัด  การอยู่  ใช้ชีวิต  กิน นอน เที่ยว ร่วมกัน ทำให้ข้าพเจ้าสามารถสอน และส่งเสริมการจัดระเบียบชีวิตส่วนตัวของเด็กๆ ได้มากขึ้น  ข้าพเจ้าสอนให้เห็นถึงความสามัคคี  การอยู่ร่วมกัน การทำงานเป็นทีม การมีน้ำใจ มีการเสียสละ  ตามกติกาของทีมนั้นพี่ๆ ต้องเป็นผู้เสียสละก่อน มีหน้าที่ดูแลน้องๆ ถ้าโดนทำโทษก็จะทำโทษพี่ก่อน  จะทำให้น้องๆ เกรงใจและเคารพเชื่อฟังรุ่นพี่ นอกจากนี้ยังต้องสอนให้เขามีเป้าหมายชีวิต  มุ่งหาอนาคตจะไปทางไหน  นักกีฬาแต่ละคนจะเลือกเส้นทางการเรียนต่อของตนเอง  โดยปรึกษากันร่วมกับครู  มีการเตรียมตัววางแผนเพื่อที่จะให้มีคุณสมบัติเข้ารับโควตาพิเศษจากมหาวิทยาลัยต่างๆ   สิ่งที่สำคัญของการอยู่ร่วมกันคือ    เขาต้องรู้ว่าเขาเป็นคนสำคัญของเรา เป็นคนที่เราห่วงใย  เมื่อมีปัญหาใดๆ เขาจะเดินมาหาเรา และต้องให้เขาเชื่อมั่นว่าเราจะเป็นคนสุดท้ายที่คิดจะทำร้ายเขา   นอกเหนือจากความรักและความเมตตาแล้ว  สิ่งที่สำคัญคือการอบรมสั่งสอนด้านวินัย การมีกฎกติกาให้เขาได้ปฏิบัติ ขณะเดียวกันก็ต้องมีมาตรการในการควบคุมให้เขาปฏิบัติตามและบทลงโทษ ซึ่งต้องมีความเหมาะสมกับโทษ เช่น ในเรื่องการเรียน  นักกีฬาที่สอบไม่ผ่านในรายวิชาต่างๆ  จะต้องขอสอบใหม่เรียนซ่อมเสริม ตามกำหนดเวลาให้เสร็จสิ้นก่อนไปทำการแข่งขัน  นักเรียนคนใดที่ไม่ปฏิบัติตามในเรื่องการเรียน  จะถูกพักการแข่งขันการซ้อม  หรือให้ไปเพื่อคุความ ประพฤติแต่ไม่ให้ลงทำการแข่งขัน เป็นต้น  การวางกติกาและ การหาวิธีเข้มงวดให้นักเรียนปฏิบัติตามกติกา เป็นวิธีการเดินที่ข้าพเจ้าใช้ในการเสริมสร้างวินัย ที่ได้ผลดีเพราะนักเรียนจะเกิดความตระหนัก มีความรับผิดชอบขึ้นเพราะกลัวไม่ได้ไปแข่งขันกีฬา  
       
       การดูแลนักกีฬาทั้งหมดของข้าพเจ้า   คือ การพัฒนานักเรียนโดยการส่งเสริมกีฬา  เป็นงานที่ทำต่อเนื่องมาโดยตลอดกว่สิบปี การทำงานของข้าพเจ้ามุ่งเน้นในการพัฒนานักเรียน ในเรื่องการใช้ชีวิต  การเห็นคุณค่าในตนเอง  การทำงานร่วมกับผู้อื่น  การได้ความสำเร็จในเรื่องการแข่งขันกีฬาเป็นเรื่องของโอกาสและประโยชน์ที่ได้จากการพัฒนานักกีฬา  ดังนั้นนักเรียนทุกคนจะได้รับความรักและความเอาใจใส่ เท่าเทียมกัน นักเรียนบางคนอยู่ในทีมได้ทั้งที่ไม่เก่งในเรื่องกีฬา  แต่เขาอยากพัฒนาตนเอง  ผลจากการทำงานทำให้นักกีฬาของข้าพเจ้าได้รับการพัฒนาตนเอง  และได้รับโอกาสต่างๆ ในสังคม ได้รับการยอมรับ และที่สำคัญสามารถมีโอกาสเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาได้  นอกจากนี้ข้าพเจ้ายังสามารถสร้างกลุ่มสังคมแฮนด์บอลของจังหวัดเพชรบุรีให้มีความ รัก  ความอบอุ่น ความผูกพัน การเคารพดูแลกันระหว่าพี่ๆน้อง  ซึ่งมีข้าพเจ้าเป็นผู้ปครองดูแล  ค่อยเฝ้าติดตามดูพัฒนาการ ของเด็กเหล่านี้  แม้บางครั้งปัญหาจากครอบครัว  สังคมแวดล้อม  ทำให้เด็กๆ  ออกนอกลู่นอกทางไปบ้าง  การพยายามล้อมรอบให้เด็กๆ  ที่ออกนอกกรอบไม่หลุดจากกรอบไปมากเป็นเรื่อง ที่ยาก และเหนื่อยหนัก แต่การทำให้เด็กๆได้ก้าวผ่านชีวิตมัธยมปลายไปไดอย่างปลอดภัยและมั่นคง  เป็นงานที่ยิ่งใหญ่   แต่ก็มีความสุข เปรียบเหมือนเพาะพันธุ์ต้นไม้เล็กๆ จนเติบโตยืนต้น ออกดอกออกผลได้ก็ชื่นใจคนปลูกเป็นที่สุด
ความคิดเห็นของผู้เข้าชม
ชื่อผู้แสดงความคิดเห็น :
สถานะ : รหัสผ่าน :
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง :
รหัสความปลอดภัย :