เรียนรู้จากการอ่าน
การรักการอ่านเป็นคุณลักษณะหนึ่ง ที่ต้องการให้เกิดขึ้นกับนักเรียน จะมีคนพูดให้ฟังอยู่เสมอๆ ว่า เด็กไทยไม่ค่อยรักการอ่านหนังสือ เด็กไทยอ่านหนังสือน้อยมาก ในการจัดการเรียนรู้ วิธีที่จะให้นักเรียนรู้จักการอ่านและรักการอ่านได้อย่างเต็มใจ จะต้องมีกิจกรรมที่นักเรียนได้ฝึกอ่าน ให้มากขึ้น วิธีการจูงใจที่ให้นักเรียนอ่านต้องเป็นหนังสือที่มีความน่าสนใจพอควร ในบทเรียนนี้เป็นการสอนเรื่องโรคที่เป็นปัญหาสาธารณสุขในท้องถิ่น มีข้อมูลของโรค ที่ต้องสอนอยู่หลายเรื่อง การสอนแบบเดิมก็คือแบบบรรยาย ครูต้องใช้เวลาสอนอยู่หลายชั่วโมง ต้องเสียเวลาในการสอนมาก นักเรียนก็จะเริ่มขาดความสนใจ บ้างก็สับสนเพราะเนื้อหามาก ครูจึงต้องหาวิธีใหม่ๆ ให้ประหยัดเวลาและเบาแรงในการสอน แต่มีคุณภาพในการเรียนรู้สูง โดยการทำชุดการเรียนให้นักเรียนได้ศึกษาด้วยตนเอง เรื่องโรคติดต่อที่ร้ายแรงจำนวน 7 เรื่อง เรียนรู้เป็นแบบฐานการเรียนรู้หมุนเวียนกัน ใช้เวลาเรียน 2 ชั่วโมง
ขั้นตอนการจัดกิจกรรม
ชั่วโมงที่ 1
- นักเรียนแบ่งกลุ่มออกเป็น 7 กลุ่ม กำหนดหมายเลขกลุ่ม
- นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนการเรียนจำนวน 20 ข้อ ใช้เวลา 10 นาที
- นักเรียนสมาชิกในกลุ่มศึกษาจากชุดการเรียน โดยทำแบบทดสอบก่อนเรียน การศึกษาเนื้อหา และการทำแบบทดสอบหลังการเรียน บันทึกคะแนน โดยใช้เวลาประมาณ 8 นาที
- เมื่อครบกำหนดเวลา ครูให้สัญญาณเวลา นักเรียนเก็บเอกสารและส่งต่อให้เพื่อนหมุนเวียนกัน จากกลุ่มที่1 ไปกลุ่มที่ 2 กลุ่มที่ 2 ไปกลุ่มที่ 3 ตามลำดับจนครบ
- เมื่อหมดเวลาครูให้สัญญาณและนักเรียนทุกกลุ่ม หมุนเวียนหนังสือกันอ่านจนครบ ทั้งหมด 4 เรื่อง
ชั่วโมงที่ 2
- นักเรียนศึกษาชุดการเรียนต่อ เรื่องที่ 5 -7 ตามเวลาที่กำหนด
- นักเรียนทำแบบทดสอบหลังการเรียน
- นักเรียนร่วมกันเฉลยคำตอบแบบทดสอบหลังการเรียน
- นักเรียนร่วมกันอภิปรายสรุป ครูช่วยเพิ่มเติมให้สมบูรณ์
ประโยชน์ที่นักเรียนได้รับ
- นักเรียนศึกษาข้อมูลด้วยตนเอง และเรียนรู้ร่วมกันเป็นกลุ่ม
- นักเรียนสามารถศึกษาได้ตามความแตกต่างของแต่ละบุคคล
- นักเรียนฝึกทักษะการอ่าน
- เป็นการส่งเสริมการรักการอ่านให้กับนักเรียน
แนวทางการจัดกิจกรรม
- การพัฒนาชุดการสอน หลักการที่ใช้เป็นเรื่องง่ายๆ เมื่อต้องการให้นักเรียนสนใจเรียน ต้องพัฒนาบทเรียนให้น่าสนใจ แบบเรียนแบบเดิมจะให้นักเรียนอ่านหนังสือเรียนเล่มโต มีแต่ตัวหนังสือเต็มไปหมด เมื่ออ่านไปแล้ว ความสนใจในการอ่านของนักเรียนก็จะลดลง ดังนั้นต้องพัฒนาชุดการสอนให้เป็นบทเรียนเล่มเล็กๆ โดยแบ่งเนื้อหาออกเป็นเรื่องสั้นๆ ใช้เวลาในการศึกษาแต่ละเรื่องประมาณ 8-10 นาที มีหลายๆ เรื่องให้นักเรียนเลือกอ่าน หมุนเวียนกันไป โดยเลือกได้ตามความสมัครใจ หรือจัดเป็นฐานการเรียนรู้ แล้วหมุนเวียนกันศึกษาก็ได้ แต่ผลที่ได้สุดท้ายนักเรียนจะได้ศึกษาทุกๆ เรื่องเหมือนๆ กัน หนังสือที่ใช้จะออกแบบให้น่าอ่าน โดยใช้การ์ตูน รูปภาพ คำถามนำ จะชักชวนให้ นักเรียนสนใจ พร้อมการประเมินผลด้วยตนเองก่อนและหลังการเรียนด้วย
- การแบ่งกลุ่มนักเรียน ในการจัดกลุ่มในชั้นเรียน อาจแบ่งนักเรียนเป็นกลุ่มเก่ง กลุ่มปานกลาง และกลุ่มอ่อน ให้อยู่ด้วยกัน ก็จะดูแลนักเรียนได้ง่ายขึ้น นักเรียนกลุ่มเก่งมักจะมีความรับผิดชอบสูง ทำงานได้ด้วยตนเอง จะใช้เวลาดูแลน้อย แต่ต้องเตรียมกิจกรรมเพิ่มเติมไว้ให้ ส่วนนักเรียนกลุ่มปานกลาง ต้องคอยกระตุ้นให้ทำกิจกรรมเป็นระยะๆ ได้ จะทำให้ครูมีเวลาใกล้ชิด สามารถดูแลนักเรียนในกลุ่มอ่อนได้มากขึ้น และสามารถทำให้นักเรียนกลุ่มอ่อนทำความเข้าใจกับบทเรียนได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งนับได้ว่าเป็นการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ตอบสนองตามศักยภาพของนักเรียน
- บทบาทของครูระหว่างการทำกิจกรรม ระหว่างนักเรียนทำกิจกรรมครูสามารถศึกษาพฤติกรรมการอ่านและการเป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้ของนักเรียนได้อีกด้วย การศึกษาพฤติกรรมระหว่างการอ่าน จะทำให้ครูทราบพฤติกรรมการอ่านของแต่ละคน บางคนอ่านอย่างตั้งใจ บางคนอ่านแล้วมีการจดบันทึกร่วมด้วย บางคนอ่านหนังสือได้เร็ว บางคนอ่านหนังสือและทำความเข้าใจช้า บางคนไม่ชอบอ่านหนังสือก็จะอ่านเร็วๆ แล้วก็ปิดหนังสือ เมื่อศึกษาพฤติกรรมการอ่านแล้วครูจะทำอย่างไรได้บ้าง นักเรียนที่อ่านหนังสือได้เร็วครูต้องมีกิจกรรมเสริมหรือมีคำถามให้นักเรียนตอบเป็นการประเมินผลใน เบื้องต้น เมื่อจบบทเรียนควรมีการเสริมแรงนักเรียนด้วย เช่น ประกาศว่าใครบ้างเป็นหนอนหนังสือชั้นยอด ควรจะเป็นตัวอย่างที่ดีแก่เพื่อนๆ
- การแก้ปัญหานักเรียนที่ไม่ค่อยชอบอ่านหนังสือ นักเรียนที่ไม่ชอบอ่านหนังสือ เมื่ออ่านเร็วๆ จบแล้วก็จะปิดหนังสือนั่งคุยกัน ครูต้องช่วยกระตุ้นความสนใจ โดยการตั้งคำถามให้ตอบ ถ้านักเรียนตอบไม่ได้ก็จะแนะนำให้อ่านใหม่อีกครั้ง มีคำตอบอยู่ตรงไหน นักเรียนก็จะต้องเปิดอ่านใหม่อีกครั้งเพื่อหาคำตอบ เมื่อนักเรียนตอบได้ ครูก็จะเริ่มคำถามใหม่ ทำอย่างนี้หลายๆ ครั้งก็จะทำให้นักเรียนมีความรู้มากขึ้น และนักเรียนไม่ว่างคุยกัน รบกวนเพื่อนกลุ่มอื่นๆ ด้วย
สรุปผลการจัดกิจกรรมและข้อเสนอแนะ
1. ผลจากการใช้ชุดการเรียน พบว่าชุดการเรียนใช้ได้ดีมาก กับเด็กระดับปานกลางและเด็กที่เรียนอ่อนซึ่งสามารถศึกษาได้นานตามใจ เมื่อหมดชั่วโมงแล้วสามารถขออนุญาตครูนำไปอ่านต่อนอกเวลาเรียนก็ได้ แต่สำหรับเด็กเก่งๆ อ่านหนังสือบ่อยๆ จะสามารถอ่านหนังสือได้จบอย่างรวดเร็ว ครูต้องเตรียมกิจกรรมสำรองไว้ด้วย เช่น ใบงาน เกม หรือคำถามเพิ่มเติม มิฉะนั้นนักเรียนจะเกิดความเบื่อหน่ายขณะที่รอเพื่อนๆ อ่านหนังสือจบ
2. นักเรียนมีเจตคติที่ดีในการอ่านหนังสือ เมื่อได้อ่านชุดการเรียนแล้ว นักเรียนจะบอกว่าชอบมาก อยากให้หนังสือเรียนน่าอ่านอย่างนี้ทุกวิชา หลังจากศึกษาความรู้จากชุดการเรียนแล้ว นักเรียนและครูร่วมกันสรุปความรู้อีกครั้ง หรือ จัดกิจกรรมประเมินผลอีกครั้งก็เป็นอันจบกระบวนการในการจัดการเรียนรู้ในครั้งนี้
3. นักเรียนแต่ละคนมีศักยภาพในการเรียนรู้ต่างกัน ครูต้องช่วยกระตุ้นให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ไปพร้อมๆ กัน ครูอย่าปล่อยให้นักเรียนอ่านไปตามลำพังใช้เวลาหมดไปทั้งชั่วโมงแล้วไม่รู้เรื่องเลย การทำกิจกรรมนี้จะทำให้ห้องเรียนเริ่มมีนักอ่านเพิ่มขึ้นอีกหลายคน
นอกบทเรียนเรื่องโรคแล้ว ยังสามารถใช้ชุดการเรียนแบ่งเนื้อหา ให้นักเรียนเรียนแตกต่างกันได้ ขอยกตัวอย่าง เช่น แต่เดิมนักเรียนชั้น ม.1 เมื่อเริ่มเรียนเรื่องเพศศึกษา ระบบสืบพันธุ์เพศชายและหญิง นักเรียนหญิงจะมีความอาย นักเรียนชายก็จะพูดเล่น ล้อเลียนกัน ทำให้นักเรียนหญิงไม่กล้าเรียน ไม่กล้าถาม ดังนั้นจึงปรับกิจกรรมการเรียนใหม่ โดยการเตรียมความพร้อมให้กับนักเรียน คือ จัดทำชุดการเรียนเป็น 2 ชุด คือ เรื่องก่อนจะเป็นสาว สำหรับนักเรียนหญิง และเรื่องกว่าจะเป็นหนุ่ม สำหรับนักเรียนชาย ให้นักเรียนแยกกลุ่มกันศึกษาเรื่องระบบสืบพันธุ์และการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายของวัยรุ่นชาย หญิง ตลอดจนการดูแลรักษาความสะอาดอวัยวะเพศของแต่ละเพศ เมื่อเตรียมความพร้อมให้นักเรียนแยกกันศึกษาตามกลุ่มเพศแล้ว บรรยากาศในการเรียนดีขึ้น นักเรียนเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น หลังจากนั้นครูก็จะมาทบทวนความรู้ในภาพรวมอีกครั้งหนึ่ง ก็จะเป็นการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น