ครูรัตนาภรณ์   ลัธธนันท์  

 

สถิติ
เปิดเมื่อ2/02/2012
อัพเดท24/08/2023
ผู้เข้าชม348411
แสดงหน้า516703
เมนู
ปฎิทิน
March 2024
Sun Mon Tue Wed Thu Fri Sat
     
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
      

รู้แจ้งเห็นจริง

อ่าน 3185 | ตอบ 0
รู้แจ้งเห็นจริง
 
            การเรียนจัดการเรียนรู้วิชาสุขศึกษา  มุ่งเน้นให้ผู้เรียนรู้จักตนเอง  สามารถสร้างเสริมสุขภาพของตนเองได้  ปราศจากโรคภัย  ดังนั้นในบทเรียนจึงเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับร่างกาย  อวัยวะภายนอกและภายใน  ตลอดจนการทำงานของระบบต่างๆ ของร่างกาย  การที่จะสอนให้นักเรียนเข้าใจได้ง่าย  การใช้สื่อการสอนต่างๆ  จะช่วยให้นักเรียนเข้าใจได้ง่ายขึ้น   เช่น การเห็นภาพของอวัยวะภายใน  ส่วนประกอบต่างๆของร่างกายที่เราไม่สามารถมองเห็นได้  โครงสร้างภายในของอวัยวะต่างๆ หรือเป็นภาพจำลองการทำงานของระบบต่างๆ ได้แก่ระบบหายใจ  ระบบการย่อยอาหาร   สิ่งเหล่านี้ถ้าครูใช้สื่อการสอนที่เป็นรูปภาพ หรือเป็นภาพเคลื่อนไหว  ก็จะทำให้นักเรียนเรียนรู้ได้ง่ายขึ้น
                ครูผู้สอนสุขศึกษาจึงควรต้องหาสื่อการสอนประเภทต่างๆ มาประกอบการสอน  นอกจากทำให้เกิดการเรียนได้ดีขึ้นแล้ว  ยังเป็นการสร้างความน่าสนใจ  ให้นักเรียนอยากมาเรียนรู้ด้วย  การใช้สื่อการสอนก็มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าการใช้เทคนิควิธีการสอนแบบอื่นๆ 
                สื่อการสอนนั้นครูสามารถจัดหาได้  ในปัจจุบันก็มีจำหน่ายอยู่ทั่วไป   หรือถ้าสามารถผลิตได้เองก็ยิ่งดี  เพราะจะได้สื่อการสอนที่ตรงตามที่ครูต้องการ  ปัจจุบันคอมพิวเตอร์ช่วยให้การผลิตสื่อการสอนง่ายขึ้นและมีคุณภาพมากขึ้น  การใช้สื่อการสอนเป็นความจำเป้นอย่างยิ่งในการสอนวิชาสุขศึกษา
 
ขั้นตอนการจัดกิจกรรม
  1. ครูต้องมีการเตรียมการในการใช้สื่อการสอน  เช่น วัสดุที่ใช้  อุปกรณ์ที่ใช้ และสถานที่ที่ใช้ในการจัดการเรียนรู้
  2. ก่อนการใช้สื่อครูควรอธิบายความสำคัญ ความเป็นมา วัตถุประสงค์ในการศึกษาในครั้งนี้
  3. ระหว่างการใช้สื่อการสอนหรือหลังจากเสร็จสิ้นการใช้สื่อแล้ว ต้องมีกิจกรรมให้นักเรียนสรุปความรู้ที่ได้รับ หรือมีคำถามให้นักเรียนตอบ  เพื่อเป็นการกระตุ้นความสนใจในการศึกษาจากสื่อนั้น
  4. นักเรียนและครูร่วมกันสรุปความรู้ที่ได้รับร่วมกันก่อนจบบทเรียน
 
ประโยชน์ที่นักเรียนได้รับ
  1. นักเรียนสามารถเรียนรู้ได้มากขึ้นและเร็วขึ้น 
  2. นักเรียนสามารถเรียนรู้บางสิ่งที่ไม่สามารถเห็นได้ในชีวิตจริง  เพราะสื่อการสอนลดข้อจำกัดด้านเวลา  สถานที่   และขนาดของวัตถุ 
  3. นักเรียนมีความสนใจกระตือรือร้นในการเรียนมากขึ้น
 

แนวทางในการจัดกิจกรรม
  • การผลิตสื่อการสอน    ควรมีการเตรียมการในการจัดหาหรือผลิตสื่อการสอนที่ใช้  ตามความสามารถของตน  และปัจจัยความพร้อมของโรงเรียน การเตรียมสื่อการสอนในปัจจุบันสามารถทำได้ง่ายมากขึ้น  คอมพิวเตอร์ช่วยให้ครูผลิตสื่อการสอนได้สะดวกขึ้น  แหล่งเรียนรู้จากอินเทอร์เน็ตทำให้ครูสามารถผลิตสื่อการสอนได้ง่ายทั้งเนื้อหา และรูปภาพ   อีกทั้งสื่อการสอนที่เป็นโปรแกรมนำเสนอทางคอมพิวเตอร์  ยังช่วยให้เกิดความประหยัด เพราะไม่ต้องพิมพ์  ไม่ต้องใช้กระดาษให้สิ้นเปลือง  ขณะเดียวกันนักเรียนยังสามารถสำเนาสื่อการสอนต่างๆ กลับไปศึกษาด้วยตนเองที่บ้านได้   หรือถ้าครูนำสื่อการสอนไปไว้ในระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์  ก็จะยิ่งเพิ่มโอกาสให้นักเรียนสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเองที่บ้านตลอดเวลา  และบุคคลอื่นที่สนใจก็สามารถที่จะศึกษาค้นคว้าได้โดยไม่จำกัด
  • การเลือกใช้สื่อการสอน   ควรเลือกใช้สื่อการสอนเหมาะกับวัยของนักเรียน นักเรียนชั้นเล็กๆ ชอบ สื่อการสอนที่เคลื่อนไหว  มีรูปภาพประกอบสวยงาม  คำอธิบายที่เข้าใจง่ายๆ    ส่วนนักเรียนในชั้นโตๆ ชอบสื่อการสอนที่มีเนื้อหาสาระ  โดยเฉพาะนักเรียนจะสนใจมากถ้าเป็นภาพจริงๆ  เช่น การคลอดบุตร    การผ่าตัด   การตรวจรักษาของแพทย์   หรือภาพของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงๆ  เช่น ภาพข่าวประจำวัน   ภาพคนป่วยโรคเอดส์   โรคมะเร็ง  อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบนท้องถนน  หรือสภาพผู้ป่วยที่ติดสารเสพติด  การใช้สื่อการสอนที่เป็นภาพจริงๆ มาให้นักเรียนดู  ช่วยทำให้นักเรียนเกิดความตระหนักในเรื่องของความปลอดภัยในการดูแลสุขภาพมากขึ้น  โดยเฉพาะสื่อที่น่ากลัว เช่น ภาพผู้ป่วยโรคมะเร็ง   ผู้ป่วยโรคเอดส์    แผลที่เกิดขึ้นจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์  สื่อที่น่ากลัวจะช่วยสร้างการรับรู้และความตระหนักถึงความรุนแรงของโรคให้นักเรียนได้มากขึ้น  สื่อการสอนที่เป็นภาพข่าวเหตุการณ์ประจำวันเป็นอีกวิธีการหนึ่งที่จะทำให้นักเรียนเกิดความตระหนักในความสำคัญของการเรียนวิชาสุขศึกษาได้   เพราะเป็นเรื่องจริง  เกิดขึ้นจริงๆ  บางเรื่องเป็นข่าวใหญ่ที่อยู่ในความสนใจของนักเรียน  ทำให้กระตุ้นความสนใจของนักเรียนได้มากขึ้น
  • การทำกิจกรรมประกอบการเรียนรู้   ระหว่างกิจกรรมการเรียน หรือเมื่อใช้สื่อการสอนจบแล้ว  ต้องมีกิจกรรมประกอบการใช้สื่อนั้นด้วย  เพื่อเป็นการกระตุ้นความสนใจของนักเรียน  มิฉะนั้นนักเรียนก็จะนั่งดู เฉยๆ  ไม่ได้คิดตาม  โดยเฉพาะสื่อประเภทวีดิทัศน์หรือซีดี ภาพยนตร์ ต่างๆ  นักเรียนมักจะสนใจในระยะแรกๆ  นักเรียนบางคนจะคุยกัน  หรือบางคนอาจจะหลับไปเลย   ดังนั้นควรมีข้อคำถามหรือแบบฝึกหัดระหว่างที่ดูภาพยนตร์  เป็นคำถามสั้นๆ ในเนื้อเรื่องนั้นเป็นระยะ  เพื่อให้นักเรียนต้องติดตาม  เพื่อให้ได้คำตอบตลอดเวลา    การใช้คำถามเน้นที่ความจำเพื่อให้นักเรียนได้เขียน จดบันทึก  จะได้จำส่วนที่สำคัญได้   แต่ไม่ใช้คำถามที่เป็นความคิดเห็นหรือเสนอแนะระหว่างการดูภาพยนตร์  เพราะนักเรียนต้องใช้สมาธิในการดูภาพยนตร์  และถ้าให้นักเรียนเขียนมากเกินไป  นักเรียนจะห่วงการตอบคำถาม  ก้มหน้าก้มตาเขียนคำตอบ  จนดูภาพยนตร์ไม่รู้เรื่อง  ส่วนคำถามที่เป็นการพัฒนากระบวนการคิดจะใช้เมื่อหลังจากดูสื่อการสอนแล้วนำมาวิเคราะห์หรืออภิปรายเพื่อเป็นการสรุปความคิดรวบยอดในภายหลัง
 
  • เวลาที่เหมาะสมในการใช้สื่อ  การสอนโดยการให้ดูสื่อการสอนที่เป็นภาพยนตร์  ควรใช้เวลาให้เหมาะสม ไม่ควรนานเกินไป ควรใช้เวลา แต่ละเรื่อง ประมาณ 15-20 นาที  เพื่อที่ครูจะได้มีเวลาในการนำเข้าสู่บทเรียน ชี้แจงวัตถุประสงค์หรือสิ่งที่ต้องการให้นักเรียนได้ศึกษาในครั้งนี้   และเมื่อดูภาพยนตร์จบแล้ว  ก็ต้องมีเวลาในการให้นักเรียนทำงาน  และการสรุปหลังการเรียนร่วมกันด้วย  ซึ่งครูบางท่านจะใช้ภาพยนตร์เป็นสื่อการสอนแทนตนเอง  คือให้ดูเรื่องยาวๆ ทั้งชั่วโมง  เมื่อหมดเวลาก็เลิกกัน    หรือปล่อยให้นักเรียนดูไปเรื่อยๆ  นักเรียนก็จะสนใจบ้างไม่สนใจบ้าง   หรือนักเรียนนำงานอื่นๆ ขึ้นมาทำ   ก็จะไม่เป็นประโยชน์กับนักเรียนมากนัก
  • เทคนิคในการใช้สื่อการสอน  ในการใช้สื่อการสอนแต่ละเรื่องต้องมีเทคนิคในการใช้สื่อการสอนแต่ละประเภทเช่น  ถ้าสื่อการสอนที่ดูมีความน่ากลัว หวาดเสียว เช่น การผ่าตัด  การคลอดบุตร   ครูอาจช่วยเบี่ยงเบนความสนใจโดยการหยุดภาพเป็นระยะๆ  แล้วช่วยอธิบายประกอบ  เป็นการให้โอกาสนักเรียนได้ปรับอารมณ์ตนเอง  ลดความกลัว  ความตื่นเต้น  ครูอาจชวนคุยในเรื่องอื่น  หรือการอธิบายด้วยภาษาที่เข้าใจง่ายๆ แทน    สื่อการสอนบางเรื่องครูต้องทำความเข้าใจกับนักเรียนว่าเป็นการสาธิต  หรือนำมาให้ดูเพื่อความรู้ความเข้าใจ นักเรียนไม่ควรปฏิบัติตาม  โดยเฉพาะเรื่องของการปฐมพยาบาล   เช่น การผายปอด  การนวดหัวใจ  การช่วยคนจมน้ำ  การเคลื่อนย้ายผู้ป่วย  เพราะการดูจากสื่อการสอนเพียงอย่างเดียว  นักเรียนยังไม่สามารถปฏิบัติได้ถูกต้อง  อาจทำให้เกิดความไม่ปลอดภัย หรือเป็นอันตรายได้   นักเรียนต้องมีการเรียนรู้เพิ่มเติมและฝึกทักษะให้ถูกต้องเสียก่อน  จึงจะปฏิบัติจริงได้ 

สรุปผลการจัดกิจกรรมและข้อเสนอแนะ
  1. การใช้สื่อการสอนเป็นวิธีการจัดการเรียนรู้ที่จำเป็นอย่างยิ่งในวิชาสุขศึกษา  เพราะจะช่วยให้นักเรียนสามารถเรียนรู้ได้เร็วขึ้น  ลดข้อจำกัดต่างๆ  ที่นักเรียนไม่สามารถพบในชีวิตประจำวัน เช่น  อวัยวะภายในของร่างกาย  การทำงานในระบบต่างๆของร่างกาย  หรือ อาการของโรคร้ายแรงต่างๆ  
  2.  สื่อการสอนช่วยลดเวลาในการสอน  การใช้ภาพประกอบจะช่วยลดเวลาในการอธิบายของครูได้มากขึ้น  และนักเรียนสามารถเรียนรู้ได้เร็วขึ้น
  3.  สื่อการสอนทำให้นักเรียนมีความสนใจในการเรียนรู้มากขึ้น  นักเรียนสนใจใจเรียน มีความกระตือรือร้นในการเรียนมากขึ้น  เพราะมีสิ่งต่างๆ มาเร้าความสนใจ  มากกว่าการบรรยายของครูเพียงอย่างเดียว  การใช้สื่อการสอนที่มีคุณภาพ  จะทำให้บทเรียนแปลกใหม่ น่าสนใจทุกครั้งที่เรียน การเรียนรู้ก็มีประสิทธิภาพมากขึ้น
  4.  บรรยากาศในการเรียนรู้  แปลกใหม่  ตื่นเต้น  นักเรียนมีความกระตือรือร้นในการอยากรู้ อยากเรียนมาขึ้น  ทำให้นักเรียนมีความสุขในการเรียนรู้
ความคิดเห็นของผู้เข้าชม
ชื่อผู้แสดงความคิดเห็น :
สถานะ : รหัสผ่าน :
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง :
รหัสความปลอดภัย :