สภากาแฟ
การเรียนในห้องเรียนสี่เหลี่ยม นักเรียนนั่งเป็นแถวหันหน้าเข้าหากระดานดำ มีครูผู้สอนอยู่หน้าชั้นเรียน คงเป็นภาพการเรียนการสอนแบบเดิมๆ ที่เคยเราปฏิบัติมา ครูสอนหน้าชั้นเรียนตลอดเวลา มีนักเรียนแถวหน้า ต้องตั้งใจเรียนเพราะอยู่ใกล้มือใกล้ไม้ของครู เด็กๆ ที่นั่งใกล้หน้าต่างก็มองออกนอกหน้าต่าง บางครั้งนักเรียนที่นั่งแถวหลังก็ก้มหน้าก้มตาลอกการบ้านวิชาอื่น หรือบางชั่วโมงดูเหมือนนักเรียนตั้งใจเรียนนั่งกันเงียบทั้งชั่วโมง แต่เมื่อครูถามก็นั่งเงียบเช่นเคย ครูเลยไม่รู้ว่าเงียบเพราะเข้าใจหรือเพราะไม่รู้เรื่องกันแน่ การเรียนแบบใหม่นั้นเป็นการจัดให้นักเรียนได้เรียนรู้เป็นกลุ่ม เพื่อจะช่วยให้นักเรียนเรียนรู้แบบร่วมมือกัน ซึ่งจะทำให้นักเรียนได้มีทักษะในการทำงาน ทักษะในการแก้ปัญหา และสามารถเป็นผู้นำและผู้ตามได้อย่างเหมาะสม ตัวอย่างกิจกรรมการเรียนรู้ในที่นี้คือการเรียนรู้เรื่องอันตรายจากการประกอบอาชีพ โดยมีขั้นตอนการดำเนินการดังนี้
ขั้นตอนการจัดกิจกรรม
- นักเรียนแบ่งเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 4-5 คน
- นักเรียนแต่ละกลุ่มจับสลากเลือกอาชีพต่างๆแล้วนักเรียนระดมความคิด เรื่องสิ่งแวดล้อมในการทำงานของแต่ละอาชีพที่กำหนดให้ ตามประสบการณ์เดิมของนักเรียน
- นักเรียนศึกษาใบความรู้เรื่องสิ่งแวดล้อมในการทำงานแบ่งออกเป็น4 ประเภท
- นักเรียนแต่ละกลุ่มต้องสร้างแผนผังความคิด ( Mind Mapping ) จัดกลุ่มของสิ่งแวดล้อมตามประเภทต่างๆ ให้ครบทั้ง 4 ประเภท และตกแต่งแผนผังความคิดให้สวยงามโดยใช้เวลา 30 นาที
- นักเรียนแต่ละกลุ่มรายงานผลการปฏิบัติงาน
- นักเรียนร่วมกันสรุปผลการเรียนรู้ร่วมกัน และครูช่วยเพิ่มเติมเพื่อความสมบูรณ์
ประโยชน์ที่นักเรียนได้รับ
- นักเรียนพัฒนากระบวนการคิด โดยการระดมความคิดร่วมกันเป็นกลุ่ม
- นักเรียนมีกระบวนการเรียนรู้แบบร่วมมือ
- นักเรียนมีทักษะในการทำงานเป็นกลุ่ม การแสดงความคิดเห็น การยอมรับความคิดเห็นของผู้อื่น
แนวทางการจัดกิจกรรม
การเตรียมเอกสารประกอบบทเรียน ในการทำกิจกรรมต้องเตรียมเอกสารประกอบ บทเรียน เช่น ใบความรู้ ใบงาน ก่อนการสอนให้เรียบร้อยโดยคนึงถึง เนื้อหา เวลาที่ใช้ในการทำกิจกรรมที่เหมาะสม และมีจำนวนเพียงพอกับนักเรียนทั้งชั้นเรียน
- การแบ่งกลุ่มนักเรียน การแบ่งกลุ่มโดยให้นักเรียนเลือกได้ตามความสมัครใจ กลุ่มจะแสดงให้เห็นความสัมพันธ์พื้นฐานภายในของนักเรียน นักเรียนที่เรียนเก่งจะอยู่กับนักเรียนที่เก่งด้วยกัน นักเรียนที่มีผลการเรียนปานกลางและ นักเรียนที่มีผลการเรียนอ่อนมักจะรวมกันเป็นกลุ่มๆ วิธีการนี้จะทำให้ครูสามารถเลือกวิธีพัฒนาศักยภาพของนักเรียนที่แตกต่างกันได้ในเวลาเดียวกัน เช่น นักเรียนที่เรียนเก่งมีความสามารถในการเรียนรู้ได้เร็ว ครูจะช่วยเป็นที่ปรึกษาใช้เวลาในการแนะนำเล็กน้อย นักเรียนก็จะปฏิบัติได้เอง ส่วนนักเรียนที่เรียนอ่อนหรือขาดความสนใจในการเรียน ครูจะใช้เวลาดูแลนักเรียนระหว่างการทำกิจกรรมได้มากขึ้นหรือสามารถควบคุมพฤติกรรมได้ใกล้ชิดมากขึ้น
- การเตรียมกิจกรรมสำรอง ในการทำกิจกรรมเป็นกลุ่มนี้ นักเรียนบางกลุ่มที่มีความสามารถในการเรียนรู้ได้เร็ว จะทำงานเสร็จก่อนเวลาที่กำหนด เมื่อต้องรอเพื่อนกลุ่มอื่นๆ อาจเกิดความเบื่อหน่ายหรือคุยกัน ซึ่งเป็นการรบกวนเพื่อนกลุ่มอื่นๆ ดังนั้นจึงต้องเตรียมกิจกรรมสำรองให้นักเรียนเพิ่มเติม อาจจะเป็นเอกสารความรู้เพิ่มเติม หรือเป็นเรื่องสั้น นิทาน การเล่นเกม ก็ได้ ซึ่งจะเป็นการเสริมแรงให้กับนักเรียน เป็นการจูงใจให้นักเรียนอยากทำงานให้เสร็จเร็วขึ้น
- การเตรียมความพร้อมด้านสถานที่ กิจกรรมนี้สามารถจัดได้ทั้งในห้องเรียน หรือนอกห้องเรียน ต้องเตรียมความพร้อมด้านสถานที่ทำงานของนักเรียน ถ้าแข่งเป็นกลุ่มแล้วห้องเรียน คับแคบ อาจจะย้ายมาเรียนที่สวนหย่อม หรือสนามหญ้า ที่มีโต๊ะเก้าอี้ให้นักเรียนนั่งทำงานเป็นกลุ่มได้ บรรยากาศการเรียนรู้ก็จะดีมากขึ้น มีความสะดวกมากขึ้น ขณะเดียวกันเวลาที่นักเรียนระดมความคิดในกลุ่ม นักเรียนก็จะไม่รบกวนนักเรียนในชั้นเรียนอื่นๆ ด้วย
- บทบาทของครูระหว่างการทำงานของนักเรียน ขณะที่ครูเดินดูนักเรียนแต่ละกลุ่มจะมีความใกล้ชิดกับนักเรียนมากขึ้น ครูจะรับฟังการอภิปรายในกลุ่มย่อยของนักเรียน ทำให้ครูสามารถให้ คำแนะนำในสิ่งที่นักเรียนไม่เข้าใจ ตอบปัญหาและแก้ไขสิ่งที่นักเรียนเข้าใจไม่ถูกต้องได้ทันทีขณะที่นักเรียนสนทนากันในกลุ่ม
- การบูรณาการคุณธรรมกับการเรียนรู้ ในการทำงานร่วมกัน ครูสามารถสอดแทรกเรื่องคุณธรรมด้านความรับผิดชอบ ความมีวินัย ฝึกการทำงานแบบประชาธิปไตย ภาวะผู้นำและผู้ตามที่ดี ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นจากกิจกรรมกลุ่มได้ทั้งสิ้น
สรุปผลการจัดกิจกรรมและข้อเสนอแนะ
- การแบ่งกลุ่มนักเรียนให้ได้ร่วมกันศึกษาวิธีนี้ บทบาทของครูจะเป็นเพียงผู้แนะนำให้คำปรึกษา เป็นผู้สังเกตการณ์ การทำงานกลุ่มของนักเรียน คือการร่วมกันระดมความคิด ร่วมกันวิเคราะห์วิจารณ์ เสนอแนะ ทำให้ได้แนวความคิดและคำตอบที่หลากหลาย จากนั้นนักเรียนก็จะสังเคราะห์ความคิดทั้งหมดรายงานอย่างเป็นระบบด้วยแผนผังความคิด ซึ่งหลังจากการอภิปรายกลุ่มย่อยแล้ว ก็ต้องมีการนำเสนอผลงานในห้อง เพื่อที่จะสรุปผลอีกครั้ง ซึ่งแตกต่างจากการ เรียนแบบเดิมที่ครูอยู่หน้าชั้นเรียน นักเรียนมักจะไม่กล้าถาม แต่ถ้าครูเข้ามาอยู่ที่กลุ่ม นักเรียนจะมีความกล้าและสนทนาโต้ตอบกับครูได้มากกว่า
- ในขณะที่นักเรียนทำงานครูมีเวลามากขึ้น สามารถสังเกต พฤติกรรมการทำงานของนักเรียนในกลุ่มหรือเป็นรายบุคคลได้ง่ายขึ้น ครูจะได้รู้จักนักเรียนมากขึ้น ทั้งในด้านความสามารถการเรียนรู้ ทักษะการทำงาน และด้านพฤติกรรม ซึ่งครูสามารถนำมาเป็นแนวทางในการวางแผนการพัฒนานักเรียนได้ต่อไป
บรรยากาศในชั้นเรียน การเรียนแบบกลุ่ม ทำให้ภาพห้องเรียนแถวหน้ากระดานหายไป ครูและนักเรียนพูดคุยกันมากขึ้น บางครั้งอาจมีความสับสนวุ่นวายบ้าง ครูเดินไปเดินมารอบๆ แต่ห้องเรียนมีความสนุกสนานเป็นกันเองทั้งนักเรียนและครู เวลาเรียนหนึ่งคาบเรียนหายไปอย่างรวดเร็ว แต่ถึงเวลาในคาบต่อๆไป เด็กๆ จะกระตือรือร้นในการมาเรียนเร็วขึ้น ชั่วโมงสุขศึกษานี้ไม่มีใครนั่งหลับอีกแล้ว แต่ข้อพึงระวังก็คือ ครูต้องดูแลนักเรียนไม่ให้รบกวนเพื่อนห้องเรียนข้างๆ หรือบางครั้งก็อาจจะเปลี่ยนมาเรียนกันที่สนามหญ้าบ้าง โต๊ะม้าหินอ่อนในสวนหย่อมบ้าง บรรยากาศก็จะสบายมากขึ้นและไม่รบกวนเพื่อนข้างๆห้อง สำหรับครูผู้สอนแล้ว สิ่งหนึ่งที่ได้พบในการสอนแบบนี้ก็คือ ท่าทาง คำพูด มุกตลกแปลกๆ แต่จริงของเด็กๆ และตลอดจนความสามารถอีกหลายอย่างของนักเรียน แต่ที่แน่ๆ ก็คือเป็นห้องเรียนก็มีความสุขขึ้นทั้ง ครูและนักเรียน
|